ความดันโลหิตสูงไม่ใช่แค่อาการป่วยธรรมดาๆ ที่สามารถมองข้ามได้ แม้จะมีหลายคนที่ไม่แสดงอาการออกมาชัดเจน แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ควรตรวจค่าความดันและรักษาให้อยู่ในเกณฑ์ปกติเสมอ ก่อนที่จะกลายเป็นภัยเงียบและส่งผลให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมา
ความดันโลหิตสูง
คือ ภาวะที่แรงดันในหลอดเลือดแดงสูง หากไม่ได้รับการรักษา หรือปล่อยทิ้งไว้ในระยะยาวจะทำให้เกิดความเสียหายแก่อวัยวะหลายระบบในร่างกาย
การแปลผลค่าความดันโลหิต
ค่าความดันโลหิตมี 2 ค่า คือ
> ค่าตัวบน เป็นความดันโลหิตในหลอดเลือดแดงขณะที่หัวใจบีบเลือดออกไปสู่ระบบไหลเวียนของโลหิต
> ค่าตัวล่าง เป็นค่าความดันโลหิตของหลอดเลือดแดงขณะที่หัวใจคลายตัว
เมื่อไหร่จะบอกว่าเป็นความดันโลหิตสูง
ค่าตัวบน เกิน 140 มิลลิเมตรปรอท
ค่าตัวล่าง เกิน 90 มิลลิเมตรปรอท
หากปล่อยให้ความดันโลหิตสูงกว่า 140/90 มม.ปรอท ในระยะยาวจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ ดังนี้
1. หลอดเลือดแดงแข็งตัว และตีบตันในอวัยวะต่างๆ ได้ทั่วร่างกาย เช่น
> หลอดเลือดแดงเลี้ยงหัวใจตีบตัน ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดมีอาการเจ็บหน้าอก และหัวใจวายได้
> หลอดเลือดแดงในสมองตีบตัน ทำให้สมองขาดเลือด เนื้อสมองตาย หรือเส้นเลือดในสมองแตก เลือดออก ในสมอง ทำให้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตได้
> หลอดเลือดแดงที่ไตตีบ ทำให้ไตเสื่อม และไตวายได้
> หลอดเลือดแดงในตาแข็งและตีบ อาจมีเลือดออกที่จอภาพ และประสาทตา ทำให้ตามัวหรือตาบอดได้
> หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงแขนขาตีบตัน ทำให้มือเท้าขาดเลือดเป็นแผลเรื้อรัง หายยาก
> หลอดเลือดแดงใหญ่ในช่องอก และช่องท้องโป่งพอง และแตกทำให้เสียชีวิตได้ทันที
2. หัวใจโต ทำให้การสูบฉีดเลือดของหัวใจอ่อนแรง เกิดภาวะน้ำท่วมปอด และเหนื่อยง่าย
ทำไม? ความดันโลหิตสูงต้องรักษา
ความดันโลหิต ที่ถูกละเลยเป็นเวลานาน จนเป็นสาเหตุใหญ่ของโรคหัวใจ และอัมพาตทำให้พิการ หรือเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
ความดันโลหิตสูง มีสาเหตุจากอะไร?
ความดันโลหิตสูง ส่วนใหญ่ (กว่า 90%) ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง ส่วนหนึ่งเกิดจากกรรมพันธุ์อีกส่วนหนึ่งเกิดจากอาหารและสิ่งแวดล้อม พวกนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ควบคุมได้โดยการรับประทานยาเป็นประจำ
มีคนไข้อีก ราว 5% ที่มีความดันโลหิตสูงเนื่องจากโรคอื่น เช่น เนื้องอกของต่อมหมวกไต ซึ่งถ้าผ่าตัดออกความดันโลหิตก็จะกลับเป็นปกติและหายขาดได้ จะเห็นว่าโรคความดันโลหิต ส่วนใหญ่เป็นโรคประจำตัวไม่หายขาดจึงจำเป็นต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากความดันโลหิต
ความดันโลหิตสูง รักษาอย่างไร
การรักษาขั้นแรกเลย คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำรงชีวิต ได้แก่
> ควบคุมอาหาร และน้ำหนักตัว อย่าให้อ้วน โดยการลดอาหารประเภทไขมัน ได้แก่ อาหารที่ใช้เนย ไขมัน และ น้ำมันในการปรุง
> ลดอาหารเค็ม เช่น ของดองเค็ม ซุปกระป๋อง อาหารที่โรยเกลือ
> ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 20-30 นาที จะช่วยลดน้ำหนักและทำให้การไหล เวียนดี ป้องกันโรคหลอดเลือดได้ ที่สำคัญ ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงก่อนเริ่มออกกำลังกายครั้งแรกควร ปรึกษาแพทย์
> หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอารมณ์เครียด
> งดดื่มสุราและสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่เป็นปัจจัยที่ทำให้หลอดเลือดแดงตีบตัน เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอัมพาต
> รับประทานยาให้สม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์
จะเห็นได้ว่าภาวะแทรกซ้อนของความดันโลหิตสูง ส่วนใหญ่จะเกิดปัญหากับระบบหลอดเลือดทั่วร่างกาย การพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยและการตรวจสภาพหลอดเลือดส่วนปลายด้วยเครื่อง ABI และการตรวจสภาพหลอดเลือดหัวใจด้วยเทคโนโลยีเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ 64 สไลซ์ (CT-64 Slices) จะช่วยให้ตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่เริ่มแรก และหาทางป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้
ความดันโลหิตสูง รับประทานยาอะไรดี
ปัจจุบันมียาควบคุมความดันโลหิตสูงออกมามากมายหลายชนิด คนไข้แต่ละคนตอบสนองต่อยาชนิดต่างๆ ไม่เหมือนกัน หากมียาชนิดใดที่รับประทานแล้วทำให้รู้สึกไม่สบาย ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที เพื่อแพทย์จะได้ปรับเปลี่ยนยาให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคน บางคนรับประทานยาแค่ครึ่งเม็ดความดันก็ลดลงเป็นปกติได้ดี บางคนต้องรับประทานหลายชนิด จึงควบคุมความดันได้
ทำอย่างไร จึงจะทราบว่า ความดันดีแล้ว
ต้องวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ การมาพบแพทย์วัดความดัน 2-3 เดือน ต่อครั้งก็ไม่เพียงพอ ควรเรียนรู้วิธีวัดความดันโลหิตที่ถูกต้อง โดยใช้เครื่องวัดความดันโลหิตระบบดิจิตอลวัดความระดับความดันเองที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องวัดถี่เกินความจำเป็น และควรจดบันทึกเวลา ค่าที่วัดได้ทุกครั้ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ของท่านในการควบคุมความดันโลหิต อาการปวดหัวเป็นตัววัดว่าความดันลดลงดีแล้ว
บทความจาก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โรงพยาบาลสินแพทย์
โทร 02-793-5000
Comments