ใกล้ถึงช่วงหยุดยาวที่หลายๆ คนรอคอย เพื่อจะได้ออกไปพักผ่อน คลายความเหนื่อยล้าจากการทำงาน และความเครียดที่สะสมมาตั้งแต่ต้นปี อีกทั้งปัญหาโควิด-19 ที่ทำให้เรากระดิกตัวไปเที่ยวไหนไม่ได้ สำหรับช่วงหยุดยาวที่สถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายนี้ Benix มีสถานที่เที่ยวใกล้กรุงเทพมาแนะนำ เตรียมดื่มด่ำกับบรรยากาศดีๆ รีเฟรชสมองให้ปลอดโปร่งอย่างเต็มที่!
อีกหนึ่งเทรนด์ใหม่ของการท่องเที่ยว คือการกลับไปใกล้ชิดกับธรรมชาติ สำหรับใครที่โหยหาบรรยากาศร่มรื่น เที่ยวสบายๆ แต่ยังไม่อยากเดินทางไปไหนไกลจากกรุงเทพ หรือหาที่เที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับใกล้กรุงเทพ มาดูลิสต์ 10 ที่เที่ยวน่าไปนี้กันเลย
1. คุ้มวิมานดิน ฉะเชิงเทรา
ภาพจาก Build Sweet Home Blog
ใครที่ไม่เพียงอยากใกล้ชิดธรรมชาติ แต่กำลังมองหากิจกรรมทำกับครอบครัว คุ้มวิมานดิน ที่เที่ยวแหล่งใหม่ของฉะเชิงเทราก็เป็นสถานที่ที่ตอบโจทย์ เพราะทางคุ้มวิมานดินเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดพิเศษ
นอกจากจะเป็นแหล่งเครื่องปั้นดินเผาที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปเรียนรู้ และทำกิจกรรมปั้นดินเผาเองแล้ว ก็ยังมาในรูปแบบรีสอร์ทบ้านดินให้ได้พักผ่อนหย่อนใจจากธรรมชาติที่อยู่ล้อมรอบ รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการเข้าพัก ไปจนถึงค่าใช้จ่ายในการทำกิจกรรมก็ยังเป็นมิตรกับกระเป๋าเงินอีกเช่นกัน
วันเวลาเปิด-ปิด: เปิดเสาร์-อาทิตย์ (และวันหยุดพิเศษ) เวลา 09:00 – 18:00 น.
ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพ: 1-2 ชั่วโมง
พิกัดไปคุ้มวิมานดิน: Google Maps
2. นานาน้ำตก ที่นครนายก
ภาพจาก Anan Bootviengpunth / Flickr
อีกจุดเด็ดให้สายธรรมชาติได้เช็คอิน คือจังหวัดนครนายก และสถานที่เที่ยวขึ้นชื่อก็เป็นไปตามคำขวัญจังหวัด “เมืองในฝันที่ใกล้กรุง ภูเขางาม น้ำตกสวย รวยธรรมชาติ ปราศจากมลพิษ” ซึ่งก็คือ น้ำตกสวยๆ ที่มีน้ำตกไหลผ่านให้ได้ไปแช่พักร้อนได้ตลอดทั้งปี แถมยังอยู่ไม่ไกล ขับรถจากกรุงเทพไม่นานก็เดินทางถึงแล้ว
สำหรับน้ำตกที่ขึ้นชื่อของจังหวัดนครนายก มีชื่อที่นักท่องเที่ยวมักจะได้ยินอยู่บ่อยๆ อย่างน้ำตกนางรอง และน้ำตกในอุทยานวังตะไคร้ โดยเฉพาะกับน้ำตกในอุทยานวังตะไคร้ ที่ไม่เพียงพาเราไปสัมผัสกับสายน้ำเย็นๆ และบรรยากาศของธรรมชาติป่าไม้รอบด้านแล้ว ก็ยังมีแหล่งศึกษาทางพฤกษศาสตร์อีกด้วย เป็นการเที่ยวที่ได้ประโยชน์แบบ 2 ต่อ เหมาะแก่การพาครอบครัวไปพักผ่อน
ส่วนใครที่อยากจะใกล้ชิดธรรมชาติยิ่งกว่า นอนฟังเสียงน้ำตกเป็นเสียงกล่อมก่อนนอนก็สามารถเดินทางไปที่น้ำตกคลองมะเดื่อ เพราะมีบริการของที่พักที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถเปิดบ้าน หรือกางเต็นท์นอนติดกับน้ำตกคลองมะเดื่อได้อีกด้วย
ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพ: 2 ชั่วโมง
พิกัดไปนครนายก: Google Maps
3. อุทยานแห่งชาติพุเตย สุพรรณบุรี
ภาพจาก กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
อุทยานแห่งชาติพุเตย นอกจากจะเป็นชายป่าผืนสุดท้ายของป่าห้วยขาแข้ง ยังเป็นสถานที่ทางธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวสามารถมาเดินเขา ชมวิว ถ่ายรูปบรรยากาศที่เงียบสงบกลับเมืองกรุง หากไปช่วงเช้าตรู่ก็สามารถชมทะเลหมอกได้ ในบริเวณอุทยานแห่งชาติพุเตยยังมีอีกหลายเขตที่แบ่งออกมาให้ได้ท่องเที่ยว เช่น ป่าสนสองใบธรรมชาติ และหมู่บ้านกระเหรี่ยงตะเพินคี่ เหมาะกับคนที่รักธรรมชาติแบบสายผจญภัย
สามารถจองที่พักบริเวณอุทยานสำหรับค้างคืนได้ โดยมีจุดให้นักท่องเที่ยวได้กางเต็นท์ค้างแรม สำหรับคนที่ไม่มีอุปกรณ์ก็ไม่ต้องเป็นกังวล เพราะทางอุทยานมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกไว้ให้ ถ้าไม่อยากนอนเต็นท์ก็สามารถพักที่บ้านพัก ซึ่งถูกปรับมาจากบ้านพักข้าราชการไว้สำหรับรับรองนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ
วันเวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 8.00 - 18.00 น.
ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพ: 3-4 ชั่วโมง
พิกัดไปอุทยานแห่งชาติพุเตย: Google Maps
4. ล่องแพ กาญจนบุรี
ภาพจาก Expedia Travel Blog
อิ่มทั้งวิวธรรมชาติ และกิจกรรมที่ได้ใกล้ชิดธรรมชาติขั้นสุดกับการล่องแพ กาญจนบุรี ที่ตอนนี้กลายเป็นซิกเนเจอร์ของกิจกรรมที่ต้องทำในจังหวัดกาญจนบุรีไปแล้ว มีหลากหลายสถานที่ให้ได้เลือกว่าอยากจะไปล่องแพที่ไหนตามความชอบ และสไตล์ที่แตกต่าง ทั้งล่องแพไปกับบ้านพักบนแพ เล่นกิจกรรมทางน้ำ ระหว่างที่แพล่องไปตามแม่น้ำก็ยังได้ซึมซับกับบรรยากาศธรรมชาติป่าเขาจากสองข้างทาง
ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพ: 2-3 ชั่วโมง
พิกัดไปกาญจนบุรี: Google Maps
5. ครบมุมธรรมชาติ ที่จันทบุรี
ภาพจาก Betelgeuse_J / Pixabay
ที่เที่ยวจันทบุรี โดดเด่นด้านธรรมชาติที่มีอยู่หลากหลาย เพราะมีทั้งทะเล น้ำตก ภูเขา และแนวป่าชายเลนให้นักท่องเที่ยวสายรักธรรมชาติได้ดื่มด่ำเต็มที่ สถานที่ที่น่าสนใจคือ ป่าชายเลน เพราะนอกจากจะอากาศดีมาก เป็นสถานที่ตากอากาศก็ยังมีกิจกรรมรอบๆ ป่าชายเลนให้ทำด้วยเหมือนกัน ในขณะที่ใกล้ๆ กันก็มีทะเล และริมหาดให้ไปปักหมุดหมายไปกันได้ต่อ จันทบุรีจึงเป็นสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอยากจะเช็คอินที่เที่ยวธรรมชาติได้หลายรูปแบบในจังหวัดเดียว
ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพ: 3-4 ชั่วโมง
พิกัดไปจันทบุรี: Google Maps
6. ชมวิวเมืองพัทยา บนเขาพระตำหนัก ชลบุรี
ภาพจาก ironstagram / Unsplash
นอกจากทะเล และหาดทรายสวยๆ ที่เที่ยวในชลบุรีก็ยังมีอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่น่าสนใจ คือจุดชมวิวเขาพระตำหนัก ที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองพัทยา พานักท่องเที่ยวไปดูทะเลในมุมใหม่ๆ สิ่งที่พิเศษของจุดชมวิวนี้คือ นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นวิวของพัทยา เมืองท่องเที่ยวสำคัญของไทยในมุมโค้ง ให้ได้เก็บภาพบรรยากาศทั้งทิวทัศน์ของทะเล ชายหาด ตัดกลับท้องฟ้ากลับไปได้อย่างน่าประทับใจ ช่วงที่แนะนำให้ไปจุดชมวิวเขาพระตำหนักคือช่วงบ่ายเป็นต้นไป เพราะจะทำให้ได้รูปที่แสงกำลังพอดี โดยสามารถอยู่จุดชมวิวนี้ได้ถึง 20.00 น. เลยทีเดียว
วันเวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 07.00 – 22.00 น.
ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพ: 2 ชั่วโมง
พิกัดไปเขาพระตำหนัก: Google Maps
7. ถ้ำเขาบิน ราชบุรี
ภาพจาก SAPPAROT Travel Blog
ไปดูหินงอกหินย้อย เสาหินในถ้ำเขาบินที่ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ไม่เพียงความงามที่เกิดจากธรรมชาติแล้ว ยังมีถึง 8 โถงใหญ่ให้นักท่องเที่ยวได้สำรวจ ซึ่งในแต่ละห้องก็จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป เช่น ในโถงห้องที่ 4 สกุณชาติคูหา ก็มีหินย้อยสีขาวที่คล้ายกับนกเขากำลังกระพือปีกบิน จึงเป็นที่มาของชื่อถ้ำเขาบิน
เนื่องจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ และเป็นถ้ำที่ขึ้นชื่อเรื่องความงามเป็นอันดับต้นๆ ในจังหวัด จึงมีการติดแสงสีภายในถ้ำเพิ่มเติม เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เห็นความสวยงามของถ้ำชัดเจนยิ่งขึ้น นอกจากจะสามารถเข้าไปดูความงามของถ้ำ และเก็บเกี่ยวบรรยากาศจากธรรมชาติรอบป่าเขาแล้ว ยังมีบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยว พื้นที่สำหรับตั้งแคมป์ ร้านขายสินค้าพื้นเมืองสำหรับซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับด้วย
วันเวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 8.00 - 16.00 น.
ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพ: 2 ชั่วโมง
พิกัดไปถ้ำเขาบิน: Google Maps
8. เกาะเกร็ด นนทบุรี
ภาพจาก YouGo IGo ถ้าคุณไปเราพาไป
เกาะเกร็ดในนนทบุรีใกล้กรุงเทพ เดินทางง่าย ใช้เวลาไม่นานด้วยวิธีการเดินทางนั่งเรือข้ามฟาก นักท่องเที่ยวสามารถลัดเลาะไปตามเกาะเกร็ด ชมทิวทัศน์ธรรมชาติจากริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้ด้วยการปั่นจักรยาน ซึ่งมีจุดบริการให้เช่าเช่นเดียวกับที่บางกะเจ้า ระหว่างชมวิวธรรมชาติแบบไม่ต้องเดินทางไกล เกาะเกร็ดยังพาเราไปสัมผัสกับวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของชุมชนชาวมอญที่อยู่ในพื้นที่ด้วยเช่นกัน ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพ: 1 ชั่วโมง พิกัดไปเกาะเกร็ด: Google Maps
9. ปิกนิกริมน้ำ ที่ปราจีนบุรี
ภาพจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
บริเวณวนอุทยานน้ำตกเขาอีโต้ มีสถานที่ให้ได้พักผ่อนหย่อนใจกับธรรมชาติ รวมทั้งวิวธรรมชาติเหมาะกับการถ่ายรูปอยู่หลากหลายจุด ตั้งแต่ป่าเขาที่อยู่ล้อมรอบ และอ่างเก็บน้ำจักรพงษ์ที่เก็บน้ำที่ไหลผ่านเขาอีโต เป็นอีกหนึ่งซิกเนอเจอร์ของที่นี่ ไม่เพียงแค่วิวสวยให้ได้ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ แต่ยังมีจุดบริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการค้างคืน ด้วยบริการกางเต็นท์แบบไม่คิดค่าบริการ รวมทั้งยังมีเส้นทางปั่นจักรยานให้ได้ใช้เวลากับธรรมชาติ และชมทิวทัศน์ของป่าเขา สำหรับจุดของน้ำตกเขาอีโต้จะมีน้ำตกลดหลั่นเป็นชั้นๆ ด้วยความร่มรื่น และความเงียบสงบ ทำให้เป็นที่เที่ยวอีกที่ที่นักท่องเที่ยวมักจะมาใช้เวลานั่งปิกนิกกัน ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพ: 2-3 ชั่วโมง พิกัดไปปราจีนบุรี: Google Maps
10. ทะเลน้ำจืดเมืองลพบุรี
ภาพจาก Chuensumon Sasirat / Facebook
อ่างเก็บน้ำซับเหล็ก (ห้วยซับเหล็ก) เป็นอีกแลนด์มาร์คที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นพื้นที่อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ด้วยเนื้อที่กว่า 1,760 ไร่ และมีชายหาดคล้ายกับทะเลของจริงจึงได้สมญานามว่าเป็นทะเลน้ำจืด ให้นักท่องเที่ยวในภาคกลางสามารถเดินทางมาเล่นน้ำได้โดยไม่ต้องขับรถไปไหนไกล นอกจากนี้ บริเวณอ่างเก็บน้ำยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวให้สามารถพักผ่อน และเล่นกิจกรรมทางน้ำได้ อาทิ ล่องแพ และสปีดโบ๊ท รวมทั้งกิจกรรมอื่นๆ ให้นักท่องเที่ยวได้มาหลบพักร้อน
ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพ: 2-3 ชั่วโมง พิกัดไปอ่างเก็บน้ำซับเหล็ก: Google Maps
การออกไปท่องเที่ยว โดยเฉพาะกับแหล่งธรรมชาติแบบนี้ถือว่าเป็นตัวช่วยสำคัญในการรีเซ็ตสมองให้ปลอดโปร่งจากการทำงานของเหล่ามนุษย์เงินเดือน สำหรับบริษัทเอง การมอบสวัสดิการด้านการท่องเที่ยวก็เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญ เพราะจากไลฟ์สไตล์ของคนทำงานยุคใหม่ที่ชอบท่องเที่ยว และพยายามจะสร้างสมดุลในการใช้ชีวิตและการทำงานให้มากขึ้น
สวัสดิการพนักงานด้านการท่องเที่ยวมีได้อย่างยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการเพิ่มวันลาพักร้อน หรือสวัสดิการเบิกเคลม สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และคุณภาพชีวิตที่ดีของพนักงาน ทั้งด้านสุขภาพกาย และสุขภาพใจเท่านั้น แต่ยังทำให้พวกเขาเห็นว่า คุณเป็นองค์กรที่มองเห็นคุณค่า และใส่ใจพนักงานอย่างแท้จริง
Comments