แม้ว่าเรื่องฝุ่นละออง อย่าง PM 2.5 จะเพิ่งกลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงในประเทศไทย แต่แท้จริงแล้วปัญหาเรื่องมลพิษทางอากาศได้มีมาอยู่เรื่อยๆ โดยก่อนหน้านี้มีรายงานเรื่องของฝุ่นละอองที่จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีลักษณะแอ่งกระทะ ทำให้มีฝุ่นละอองที่กักขังอยู่ในบริเวณนั้นค่อนข้างเยอะ นอกจากนี้ในต่างประเทศก็มีการรายงานเรื่องฝุ่นละอองให้ได้เห็นกันแทบทุกปี โดยเฉพาะประเทศจีน เนื่องจากมีการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมและยานพาหนะในเมืองที่เยอะมากขึ้น ซึ่งนอกจากปัจจัยที่ทำให้สภาวะทางอากาศแปรเปลี่ยนแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ประชาชนอย่างเราต้องหันมาตระหนัก ก็คือ ผลกระทบด้านสุขภาพ เพราะฝุ่นอนุภาคเล็กๆ นี้..สามารถส่งผลให้เกิดอันตรายได้มากกว่าที่คิด
รู้ไหม? ฝุ่นละออง PM 2.5 เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งปอด
ประเทศที่มีอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของโลกมักเกิดปัญหาเรื่องฝุ่นละอองอยู่ตลอด ทำให้มีการทำวิจัยเกี่ยวกับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 พบว่าเมืองที่ประชากรมีการสัมผัสฝุ่นละออง PM 2.5 มีความเสี่ยงโรคมะเร็งปอดสูงมากกว่าประชากรที่ไม่ได้สัมผัสฝุ่นละออง PM 2.5 โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชากรที่ทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมอาจมีความเสี่ยงที่มากกว่า และผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งปอดที่สัมผัสฝุ่นละออง PM 2.5 มีโอกาสเสียชีวิตสูงมากกว่าปกติ แต่ระยะเวลาในการสัมผัสค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ทำให้เสี่ยงเป็นมะเร็งปอดนั้น ยังไม่ได้มีการรายงานของการวิจัยที่แน่ชัด
แล้วเราจะลดปัจจัยเสี่ยงโรคมะเร็งปอดได้อย่างไร
ประเทศไทยที่มีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ นั้น ทำให้มีการกำเนิดของอุตสาหกรรม และยานพาหนะที่มากขึ้นตาม ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดฝุ่นละออง PM 2.5 ซึ่งการที่จะลดฝุ่นละออง PM 2.5 ได้นั้น “เราควรยกระดับคุณภาพของยานพาหนะให้ได้ตามมาตรฐาน และป้องกันตนเองด้วยการอยู่ในอากาศที่ถ่ายเท หากจำเป็นต้องเผชิญกับฝุ่นละออง PM 2.5 ควรสวมใส่หน้ากากอนามัย N95 ในการกรองฝุ่นละออง” แต่เนื่องด้วยหน้ากากอนามัย N95 มีราคาที่ค่อนข้างสูง บางคนอาจหาหน้ากากชนิดอื่นมาทดแทน เพื่อสามารถป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5 ได้เช่นกัน
บทความจาก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ศูนย์มะเร็ง
รพ.พญาไท 2 อาคาร A ชั้น 7
โทร.02-617- 2444 ต่อ 4701, 4732
Comments