มะเร็งปากมดลูก นอกจากจะเป็นภัยร้าย ยังเป็นภัยเงียบที่คุณผู้หญิงต้องระวัง เนื่องจากไม่แสดงอาการในช่วงแรก จนอาจทำให้เชื้อมะเร็งเติบโตและลุกลามได้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการพบแพทย์ เพื่อตรวจหา รวมทั้งฉีดวัคซีนป้องกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ
ปัจจุบันค้นพบว่ามะเร็งปากมดลูกมีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัส เอช พี วี (Human Papilloma Virus / HPV) ซึ่งติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ เชื้อไวรัส เอช พี วี (HPV Virus) ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในอวัยวะสืบพันธุ์ มีมากกว่า 50 สายพันธุ์ โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
ชนิดที่มีความเสี่ยงสูง ก่อให้เกิดความผิดปกติของเซลล์ปากมดลูก และทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูก โดยเฉพาะ สายพันธุ์ที่ 16 และ สายพันธุ์ที่ 18 ซึ่งพบได้มากและมีความรุนแรงที่สุด
ชนิดที่มีความเสี่ยงต่ำ ก่อให้เกิดหูดที่บริเวณอวัยวะเพศได้ ได้แก่ สายพันธุ์ที่ 6 และ 11
การติดเชื้อไวรัส เอช พี วี ส่วนมากผู้ที่ได้รับเชื้อจะไม่มีอาการ อาจติดเชื้อแบบชั่วคราวแล้วหายไปได้เอง แต่สตรีบางคนที่ติดเชื้อแล้ว ก่อให้เกิดเซลล์ปากมดลูกผิดปกติ หรือเปลี่ยนเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ในที่สุด
การป้องกันมะเร็งปากมดลูก
> ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
โดยการตรวจหาเซลล์เยื่อบุปากมดลูกที่ผิดปกติแบบวิธีเดิม (Conventional Pap Smear) หรือแบบวิธีใหม่ (Liquid Base Solution) และ Thin Prep
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในสตรีที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว สามารถตรวจพบเซลล์ที่ผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะก่อนเป็นมะเร็ง และทำการรักษาให้หายขาดได้
> รับวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส เอช พี วี
ซึ่งการรับวัคซีนป้องกันนี้ มีความปลอดภัยสูง มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส เอช พี วี สายพันธุ์ที่ตรงกับวัคซีนที่เป็นสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดความผิดปกติของเซลล์ปากมดลูก และมะเร็งปากมดลูก แนะนำให้ฉีดวัคซีนกับผู้หญิงที่ไม่เคยติดเชื้อ เอช พี วี และเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด ควรฉีดในเด็กผู้หญิงก่อนเข้าสู่วัยรุ่น หรือผู้หญิงที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์
บทความจาก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา
โทร 02-793-5099
Comments