ถ้าพูดถึง “โรคเบาหวาน” คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าเป็นโรคที่มีสาเหตุมาจากการกินอาหารที่มีรสหวาน หรืออาหารที่มีรสจัดมากเกินไป โดยที่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเบาหวานอาจเกิดได้จากพฤติกรรมอื่นๆ ได้อีก ไม่ว่าจะเป็น ความอ้วน น้ำหนักเกิน ไม่ออกกำลังกาย หรือเป็นคนที่มีไขมันในเลือดสูง ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ก็สุ่มเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานเช่นกัน
ทำความรู้จัก “โรคเบาหวาน”
“เบาหวาน” เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของการทำงานของฮอร์โมนที่ชื่อว่า อินสุลิน (Insulin) ซึ่งโดยปกติแล้วร่างกายของคนเราจำเป็นต้องมีอินสุลิน เพื่อนำน้ำตาลในกระแสเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะสมองและกล้ามเนื้อ ในภาวะที่อินสุลินมีความผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นการลดลงของปริมาณอินสุลินในร่างกาย หรือการที่อวัยวะต่างๆ ของร่างกายตอบสนองต่ออินสุลินลดลง (หรือที่เรียกว่า ภาวะดื้ออินสุลิน) จะทำให้ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลที่อยู่ในกระแสเลือดไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีปริมาณน้ำตาลคงเหลือในกระแสเลือดมากกว่าปกติ หากน้ำตาลในกระแสเลือดสูงมากขึ้นถึงระดับหนึ่ง จะทำให้ไตซึ่งปกติจะมีหน้าที่ดูดกลับน้ำตาลจากสารที่ถูกกรองจากหน่วยไตไปใช้ ดูดกลับน้ำตาลได้ไม่หมด ส่งผลให้มีน้ำตาลรั่วออกมากับปัสสาวะ จึงเป็นที่มาของคำว่า “โรคเบาหวาน”
หากเราปล่อยไว้ โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี จะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงตามมาในที่สุด
ระดับน้ำตาลในเลือดสูง เสี่ยงกว่าที่คิด
ผู้ป่วยเบาหวาน หากปล่อยให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากๆ ร่างกายจะไม่สามารถนำน้ำตาลมาเผาผลาญเป็นพลังงาน จึงต้องหันไปสลายไขมันตามผิวหนังมาใช้แทน ส่งผลให้ผู้ป่วยเบาหวานที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงๆ เกิดอาการ ปัสสาวะบ่อย หิวน้ำบ่อย น้ำหนักลด อ่อนเพลีย ฯลฯ โดยอาการมักจะเกิดขึ้นช้าๆ หากปล่อยไว้จนเรื้อรัง อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา เช่น เบาหวานขึ้นตา เบาหวานลงไต โรคหัวใจ โรคสมอง แผลหายช้า ติดเชื้อได้ง่าย เป็นต้น
ภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน
เมื่อมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติเป็นระยะเวลานาน น้ำตาลที่สูงจะส่งผลโดยตรงต่อหลอดเลือดทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่เกิดภาวะอักเสบ และภาวะหลอดเลือดอุดตันได้ง่ายกว่าคนปกติ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อภาวะภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยในภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรัง ทำให้น้ำตาลส่วนเกินไปเกาะกับเม็ดเลือดขาวที่ใช้ต่อสู้กับเชื้อโรค ทำให้เม็ดเลือดขาวมีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ได้ลดลง ส่งผลให้เกิดภาวะติดเชื้อต่างๆ ได้ง่าย
อาการของภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน
เมื่อเกิดภาวะเบาหวานเป็นระยะเวลานาน และไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามอวัยวะต่างๆ ได้ เช่น
ภาวะแทรกซ้อนที่ “ไต”
เมื่อมีภาวะเบาหวานแทรกซ้อนที่ไต จะเกิดอาการ ปัสสาวะเป็นฟอง ตัวบวม อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ซีด บางกรณีถ้ามีอาการรุนแรงอาจถึงขั้นไตวายต้องได้รับการฟอกไตได้
ภาวะแทรกซ้อนที่ “หัวใจ
เบาหวานที่เป็นระยะเวลานานเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบ ผู้ป่วยอาจมีอาการเจ็บ หน้าอก เหนื่อยง่าย นอนราบไม่ได้ ขาบวมได้เช่นกัน
ภาวะแทรกซ้อนที่ “ตา”
เรียกได้ว่าเป็นอวัยวะที่เกิดโรคแทรกซ้อนของเบาหวานได้บ่อย ซึ่งสามารถแบ่งออกได้หลายระยะ อาการเบาหวานขึ้นตาระยะแรกๆ อาจไม่มีอาการอะไรเลย แต่สามารถตรวจพบโดยการตรวจจอประสาทตา แต่ถ้าเป็นระยะรุนแรงสามารถทำให้ตาสูญเสียการมองเห็นได้
ภาวะแทรกซ้อนที่ “เท้า”
ภาวะแผลที่เท้าก็พบบ่อยในโรคเบาหวาน ซึ่งผู้ป่วยบางรายอาจมีแผลเรื้อรัง แผลหายช้า บางรายเป็นแผลลุกลามอย่างรวดเร็ว ถ้ารุนแรงมากอาจถึงขั้นสูญเสียอวัยวะได้
ภาวะแทรกซ้อนที่ “เส้นประสาท”
ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานเป็นระยะเวลานานอาจเกิดเส้นประสาทส่วนปลายเสื่อมได้ ซึ่งมักมีอาการ ชา ปลายมือ เท้า บางรายปวดแสบปวดร้อน เจ็บปวดคล้ายเข็มทิ่มได้
ภาวะแทรกซ้อนที่ “สมอง”
เส้นเลือดเลี้ยงสมองก็พบการตีบได้บ่อยในโรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ดี ทำให้เกิดโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตได้
จะเห็นได้ว่า เบาหวานทำให้เกิดอาการได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่อาการที่เกิดจากระดับน้ำตาลสูงเอง หรืออาการที่เกิดจากภาวะแทรกซ้อนของเบาหวาน อาการบางอย่างสังเกตพบได้ยากในระยะเริ่มต้น ดังนั้นการเจาะเลือดตรวจระดับน้ำตาลในกลุ่มเสี่ยงจึงมีประโยชน์ในการค้นหาโรคเบาหวานได้
#เบาหวาน #โรคเบาหวาน #นํ้าตาลในเลือดสูง #อาการเบาหวาน #ภาวะแทรกซ้อน #อินซูลิน #Diabetes
บทความจาก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
อายุรศาสตร์, อายุรศาสตร์โรคต่อมไร้ท่อและเมตะบอลิสม
โรงพยาบาลพญาไท 3
โทร 02-467-1111
Yorumlar