การมีความรู้เรื่องการคุมกำเนิดถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากสำหรับสาวๆ ยุคใหม่ ไม่ว่าจะอายุเท่าไร หรืออยู่ในวัยใดก็ตาม นอกจากการคุมกำเนิดจะสามารถป้องกันปัญหาการท้องก่อนวัยอันควร ยังช่วยให้คู่สมรสที่ยังไม่พร้อมมีบุตรวางแผนครอบครัวได้อีกด้วย
หากพูดถึงวิธีคุมกำเนิดที่นิยมมากที่สุด คงไม่พ้นการการรับประทานยาชนิดเม็ด เพราะนอกจากจะกินง่ายแล้ว ยังราคาไม่แพงอีกด้วย แต่ไม่ว่าจะเลือกคุมกำเนิดด้วยวิธีใดก็ตาม เราควรมีความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้เสียก่อน เพื่อให้ใช้งานได้อย่างถูกวิธี และมีประสิทธิภาพมากที่สุด และนี่คือ 10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับการใช้ยาคุมกำเนิดที่คุณหมออยากบอก...
1. ยาคุมกำเนิดแบบเม็ด (Birth Control Pill) เป็นยาที่ประกอบไปด้วยฮอร์โมน 2 ชนิด คือ เอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ที่มีความสำคัญต่อการป้องกันการตั้งครรภ์ เนื่องจาก ฮอร์โมนทั้งสองชนิดนี้ เมื่อกินเข้าไปแล้วจะไปทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลงจนตัวอ่อนที่เกิดจากการผสมกับไข่ และอสุจิไม่สามารถฝังตัวได้ และยังช่วยทำให้เมือกบริเวณปากมดลูกมีความเหนียวข้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้ อสุจิไม่สามารถเข้ามาผสมกับไข่เพื่อปฏิสนธิได้
2. ยาคุมกำเนิดแบบเม็ดแบ่งตามชนิดฮอร์โมนได้ 2 ประเภท คือ ฮอร์โมนเดี่ยวและฮอร์โมนรวม ประเภทฮอร์โมน เดี่ยว มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพียงอย่างเดียว มีฤทธิ์คุมกำเนิดสูง ส่วนประเภทฮอร์โมนรวม ประกอบด้วย ทั้งเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรนในปริมาณและชนิดที่ต่างกัน ยิ่งปริมาณของฮอร์โมนมาก ยิ่งคุมกำเนิดได้ดี แต่ผลข้างเคียงจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่ถ้ามีปริมาณของฮอร์โมนน้อย การคุมกำเนิดก็น้อยลง และมีผลข้าง เคียงน้อยกว่าด้วยเช่นกัน
3. นอกจากนี้ ยังสามารถแบ่งประเภทตามจำนวนเม็ดได้อีกเช่นกัน คือ แบบ 21 เม็ด และแบบ 28 เม็ด โดยแบบ 21 เม็ดจะต้องกินแล้วเว้นไป 7 วันจึงจะสามาระเริ่มแผงใหม่ได้ ส่วนแบบ 28 เม็ด จะมีตัวยาจริงเพียง 21 เม็ด และมีเม็ดแป้งอีก 7 เม็ด เหมาะสำหรับคนที่กลัวจะนับวันผิด จึงควรกินต่อกันจนหมดแผงได้เลย แต่ไม่ว่าจะกิน แบบใดก็ได้ผลในการคุมกำเนิดเท่ากัน
4. ยาคุมกำเนิดที่วางขายในปัจจุบันต่างกันแค่ชนิดของฮอร์โมน เจเนเรชั่นของฮอร์โมน และปริมาณของฮอร์โมน ผู้ใช้ยาจึงควรเลือกจากประเภทฮอร์โมนที่ต้องการ ก่อนที่จะเลือกยี่ห้อ เพราะตัวยาในแต่ละเจเนเรชั่นจะมีการ พัฒนาให้มีผลข้างเคียงลดลง และเพิ่มประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดให้มากขึ้น เช่น ฮอร์โมนโปรเจสเตอโร นบางตัวจะมีฤทธิ์ต่อต้านแอนโดรเจน ช่วยให้ผิวสวยขึ้น ลดสิวได้ด้วย
5. ยาคุมกำเนิดมีผลข้างเคียงดังนี้ คลื่นไส้อาเจียน มีเลือดออกผิดปกติ อารมณ์แปรปรวน และมีหลอดเลือด อุดตัน อาการนี้มักจะเกิดในคนที่อายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป หรือในคนที่สูบบุหรี่ ฉะนั้นแพทย์จะไม่แนะนำให้คนอายุ มากกินยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม
6. การกินยาคุมกำเนิดจะต้องกินเวลาเดิมทุกวัน หากลืมกินยาจะทำให้ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดลดลง และ หากลืมกินยาคุมกำเนิดมากกว่า 3 ชั่วโมง ให้กินทันทีที่นึกขึ้นได้ และกินเม็ดต่อไปในเวลาเดิม
7. การกินยาคุมกำเนิดแผงแรกหรือกินหลังจากไม่ได้กินมานาน ให้กินภายใน 5 วันแรกของการเป็นประจำเดือน หรือกินในขณะที่ยังมีประจำเดือนอยู่ ถ้าหากรู้ตัวว่ามีโอกาสที่จะมีเพศสัมพันธ์ ควรกินยาคุมกำเนิดไว้ในระหว่าง รอบเดือนเพื่อป้องกันไว้ล่วงหน้า
8. วิธีกินยาคุมกำเนิดให้ดูวันที่ตามจริงและวันที่บนแผง โดยบนแผงยาจะระบุวันไว้ตั้งแต่วันจันทร์-อาทิตย์ หาก วันที่จะเริ่มกินยาเม็ดแรกเป็นวันพุธก็ให้แกะยาเม็ดแรกของวันพุธมากิน แล้วกินต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดแผง
9. ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ควรใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เช่น ในกรณีถูกข่มขืน หรือมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ตั้งใจ ใน แผงของยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมี 2 เม็ด เม็ดแรกให้กินทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ส่วนเม็ดที่ 2 ให้กินหลังจาก นั้น 12 ชั่วโมง ซึ่งยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้นประสิทธิภาพต่ำกว่ายาคุมกำเนิดชนิดแผง
10. ควรดูวันหมดอายุก่อนใช้ยาเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
บทความจาก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
สูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์
ศูนย์สุขภาพหญิง
รพ.พญาไท 2 อาคาร A ชั้น 2
โทร 02-617-2444 ต่อ 4268-4269
Comments